ฟอกฟันขาว
ฟอกฟันขาว หรือ การฟอกสีฟัน คือ การทำให้ฟันที่มีสีเหลือง คล้ำ ดูสว่างและ ขาวขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนไข้ที่มีปัญหา ซึ่งสาเหตุที่ฟันมีสีที่ไม่สวยงาม อาจเกิดได้จาก อาหาร เครื่องดื่ม ที่เรารับประทานเข้าไปทุกวัน นอกจากนี้ยังสามารถเกิดได้จากพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ซึ่งคราบต่างๆเหล่านี้สะสมบนผิวฟัน และไม่สามารถกำจัดออกได้ด้วยการแปรงฟันหรือการขูดหินปูน รวมไปถึงสาเหตุจากภายในตัวฟัน เช่น การสะสมสารเคมี ที่มีสีข้างในเนื้อฟันขณะสร้างฟัน หรือในกรณีฟันตาย
การฟอกฟันขาวสามารถแบ่งได้ 2 แบบ คือ
1. การฟอกฟันขาวที่คลินิก ทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ วิธีการคือทันตแพทย์ จะใช้น้ำยาฟอกสีฟัน ได้แก่ ไฮโดรเจน เพอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) , คาร์บาไมด์ เพอร์ออกไซด์ (Carbamide Peroxide) ความเข้มข้นต่ำ (ประมาณ 10–20 %) ไปทำปฏิกิริยากับสารภายในฟัน ส่งผลให้สีที่สะสมอยู่บนผิวฟันและในเนื้อฟันแตกตัวออกมา จึงทำให้สีฟันกลับมาขาวสว่างอีกครั้ง
2. การฟอกฟันขาวที่บ้าน คนไข้สามารถทำเองได้ที่บ้าน โดยใส่น้ำยาที่ให้มาลงในถาดฟอกสีฟัน ความเข้มข้นของน้ำยาจะน้อยกว่า จึงทำให้เห็นผลช้ากว่า และอาจมีสารเคมีที่ไม่ปลอดภัยต่อสารเคลือบฟันและเนื้อฟันในระยะยาว
ทำไมต้องฟอกฟันขาว
การฟอกฟันขาว ถือเป็นการรักษา เพื่อแก้ไขสีของฟันที่มีสีเหลือง สีน้ำตาล หรือสีคล้ำ ให้มีความขาวมากขึ้น คนส่วนใหญ่ที่เข้ารับบริการฟอกสีฟัน มักจะมีปัญหาฟันมีคราบเหลือง หรือสีของฟันไม่สม่ำเสมอ การฟอกสีฟัน จะช่วยสร้างความมั่นใจ ทำให้คนไข้กลับมามีรอยยิ้มที่สดใสอีกครั้ง การฟอกสีฟันในปัจจุบันจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
ข้อควรระวัง และข้อเสียที่อาจเกิดจากการฟอกฟันขาว
- การฟอกฟันขาวอาจไม่ให้ผลตามที่คาดหวังในคนไข้บางราย เนื่องจากทันตแพทย์ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่า หลังจากที่คนไข้เข้ารับการฟอกสีฟันแล้ว ฟันของคนไข้จะขาวขึ้นมาได้ในระดับใด เนื่องจากผลการรักษาจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองของคนไข้ที่มีต่อสารฟอกสีฟัน
- อาจทำให้สีของอาหารติดฟันง่ายในช่วงวันสองวันแรกของการฟอกฟันขาว ขึ้นอยู่กับสุขภาพฟันของแต่ละบุคคล และอาหารที่รับประทาน
- หลังการฟอกฟันขาวอาจทำให้มีอาการเสียวฟันได้ในช่วง 1-2 วันแรก การฟอกสีฟันจึงอาจไม่เหมาะกับผู้ที่ยังมีภาวะ ฟันผุ ฟันร้าว เหงือกอักเสบ หรือเหงือกร่นอยู่เดิม เพราะจะทำให้มีอาการเสียวฟันมากขึ้น
- ข้อเสียอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้คือ อาการแสบร้อนที่เหงือก หรือชั้นเคลือบฟันได้รับผลกระทบ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจาก จากการฟอกสีฟันเองที่บ้าน
- นอกจากนี้ยังไม่แนะนำให้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร และเด็กที่อายุน้อยกว่า 16 ปี เข้ารับการฟอกสีฟัน
- ควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนฟอกสีฟันทุกครั้ง และต้องรักษาฟันและเหงือกให้อยู่ในสภาพที่ดีก่อน จึงจะฟอกสีฟันได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนเข้ารับการฟอกสีฟัน ทันตแพทย์จะตรวจเช็คสุขภาพฟันให้ก่อนเสมอ
ฟอกสีฟันแล้วฟันจะขาวได้นานแค่ไหน
ผลลัพธ์จากการฟอกฟันขาวนั้นจะคงอยู่เพียงชั่วคราว หรือยาวนานผลลัพท์ที่ได้จะแตกต่างกันไปในคนไข้แต่ละราย โดยทั่วไปหลังจากฟอกสีฟันไปแล้ว ความขาวจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของแต่ละบุคคล รวมถึงการเลือกรับประทานอาหารด้วย เช่น ผู้ที่นิยมดื่ม ไวน์ ชา หรือกาแฟ จะส่งผลทำให้เกิดคราบบนฟันได้ง่ายๆ จึงอาจส่งผลให้สีฟันเริ่มจางลงไปได้ภายใน 1 เดือน การดูแลรักษาความสะอาดอย่างถูกวิธีจะสามารถช่วยรักษาความขาวให้อยู่ได้นานมากขึ้น
วิธีการดูแลหลังฟอกฟันขาว
- แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
- ทำความสะอาดฟันด้วยไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 – 2 ครั้ง
- บ้วนปากด้วยน้ำยาผสมฟลูออไรด์ก่อนนอนทุกวัน และไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารภายใน 30 นาทีหลังการบ้วนปาก
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีความเป็นกรดสูง เช่นอาหารรสจัด ผลไม้รสเปรี้ยว งดเครื่องดื่ม ชา กาแฟ และไวน์ ในช่วง 1 อาทิตย์แรกหลังเข้ารับการฟอกฟันขาว
- หากมีอาการเสียวฟันหลังการฟอกฟันขาว ควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่เย็นจัด หรือร้อนจัด
- ไม่ควรสูบบุหรี่ในช่วง 7 วันแรกหลังฟอกฟันขาว เพราะคราบนิโคตินในบุหรี่จะติดผิวฟันได้ง่าย
- หากมีอาการปวด หรือเสียวฟันต่อเนื่อง โดยที่ไม่มีอะไรกระตุ้น ควรกลับไปพบทันตแพทย์อีกครั้ง
เคสฟอกฟันขาว
*ผลการเปลี่ยนแปลงของสีฟัน ขึ้นกับลักษณะของแต่ละบุคคล
ฟอกฟันที่บ้าน ต่างกับฟอกฟันที่คลินิกต่างกันอย่างไร?
ฟอกฟันขาว pola เพียง 3,999 บาท
Family Dental Clinic Bangkapi
ติดต่อสอบถาม ข้อมูลเพิ่มเติม
โทร/ LINE 089-668-7283
เวลาทำการ : 10.00 น.- 19.00 น.
หยุด ทุกวันศุกร์
นวมินทร์ ซอย 10 ติดกับ สวนพฤกษชาติคลองจั่น